วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

เทคโนโลยีใหม่ที่จะพลิกโลกทั้งใบ





     ในยุคที่ใครๆ ก็พูดถึงการปฏิวัติเปลี่ยนโลกกันแทบทุกวินาที ถ้าลองสังเกตดีๆ จะพบว่า ‘เทคโนโลยี’ มักอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีมานี้ (หากไม่นับเจตนาดีของ ‘ท่านผู้นำ’ ทั้งหลาย) The Momentum จึงขออาสาพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ 10 เทคโนโลยีสุดล้ำแห่งปี 2016 ที่ทางสภาเศรษฐกิจโลกหรือ World Economic Forum คาดการณ์ว่าจะพลิกโฉมรูปแบบการผลิต การบริโภค และชีวิตของเราไปตลอดกาล....

 

ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์

สมัยรัตนโกสินทร์

………….เริ่มจากสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่่งแบ่งเป็นสมัยย่อยได้ ดังนี้
………(1) สมัยรัตรโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. 2325 – 2394) ในช่วงเวลา 3 รัชกาลแรก คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เป็นสมัยของการฟื้นฟูประเทศต่อจากสมัยธนบุรี หรือเรียกกันว่า “สมัยการทำให้เหมือนเมื่อครั้งที่บ้านเมืองดี” คือ ให้เหมือนสมัยอยุธยาในเวลาที่บ้านเมืองสงบสุข   สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นช่วงที่มีการฟื้นฟูบ้านเมืองในทุกด้าน เช่น ด้านการเมืองการปกครองรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ชำระกฎหมาย เรียกกันว่า กฎหมายตราสามดวง ทรงให้ขุดคลองรอบกรุง สร้างป้อมปราการและกำแพงพระนคร ทรงทำสงครามเพื่อสร้างความมั่นคงแก่บ้านเมือง รัชกาลที่ 2 ทรงตรากฎหมายห้ามสูบฝิ่น ใน พ.ศ. 2354 และ พ.ศ. 2362 รัชกาลที่ 3 ทรงทำสัญญาทางพระราชไมตรีและการค้ากับอังกฤษ   ด้านสังคมและวัฒนธรรม รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯให้สร้างพระบรมมหาราชวังและวัดให้มีรูปแบบเหมือนสมัยอยุธยา ทรงให้สงคายนาพระไตรปิฎก ออกกฎหมายคณะสงฆ์ ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีสมัยอยุธยา เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงส่งเสริมวรรณกรรมทั้งทรงมีพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ และโปรดเกล้าฯ ให้แปลหนังสือจีนเป็นภาษาไทย เช่น สามก๊ก รัชกาลที่ 2 ทรงบูรณะวัดอรุณราชวราราม ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีวิสาขบูชา ทรงส่งเสริมด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม รัชกาลที่ 3 ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงสร้างและบูรณะวัดจำนวนมาก

วีดีโอสังทองข์


 ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สร้างความยินดีกับพระนางจันเทวีมาก

วรรณคดี

   

สังข์ทอง

       2.1.2.1ตัวละคร
       เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์ กับนางรจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นนิยม จึงมีการนำเนื้อเรื่องบางบทที่นิยม ได้แก่ บทพระสังข์ได้นางรจนา เพื่อนำมาประยุกต์เป็นการแสดงชุด รจนาเสี่ยงพวงมาลัย
       2.1.2.2คำประพันธ์
       1.เป็นกลอนบทละคร บทหนึ่งมี 4 วรรค วรรคละ 6 คำ หนึ่งบทมี 2บาท เรียกว่าบาทเอกและบาทโท 1 บาท เท่ากับ 1 คำกลอน
        2.คำขึ้นต้นบท กลอนบทละครมีคำขึ้นต้นหลายแบบ และคำขึ้นต้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีจำนวนเท่ากับวรรคสดับ อาจจะมีเพียง 2 คำก็ได้
       2.1.2.3เรื่องย่อ
          กาลปางก่อน มีพระเจ้าพรหมทัต(ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร(เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อพระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อพระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตร ของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนจะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อ ขับไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสารจึกชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดาจึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์